วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

HTML


 ❂  HTML ❂

  • 1  HTML ย่อมาจาก HyperText Markup Language
                 หมายถึง เป็นภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นภาษาในเชิง การบรรยายเอกสารไฮเปอร์มีเดีย (Hypermedia Document Description Language) เพื่อนำเสนอเอกสารนั้น เผยแพร่ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มีโครงสร้างการเขียน ที่อาศัยตัวกำกับ เรียกว่า แท็ก (Tag) ควบคุมการแสดงผลของข้อความ, รูปภาพ หรือวัตถุอื่นๆ ผ่านโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ (Web Browser)

  • 2 รูปแบบการใช้คำสั่ง

ใช้ในการระบุรูปแบบคำสั่ง หรือการลงรหัสคำสั่ง HTML ภายในเครื่องหมาย less-than bracket (<) และ greater-than bracket (>) โดยที่ Tag HTML แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ 1. Tag เดี่ยว เป็น Tag ที่ไม่ต้องมีการปิดรหัส เช่น <hr>(Tag กำหนดเส้นคั่น), <br> (Tag กำหนดขึ้นบันทัดใหม่) 2. Tag เปิด/ปิด เป็น Tag ที่ประกอบด้วย Tag เปิด และ Tag ปิด โดย Tag ปิด จะมีเครื่องหมาย slash ( / ) นำหน้าคำสั่งใน Tag นั้น ๆ เช่น <B>……</B>(Tag กำหนดตัวหนา), <a href=URL>…จุด link..</a> (Tag กำหนดการเชื่อมโยงข้อมูล) 3. Tag เปิด/ปิด บาง tag ละ tag ปิดได้ เช่น <tr> (Tag กำหนดแถวตาราง), <th> (Tag กำหนดคอลัมภ์ตาราง) 4. คำสั่งใน Tag เขียนด้วยอักษรตัวใหญ่หรือเล็กก็ได้ เช่น <Body> หรือ <BODY> หรือ <body>

อ้างอิง: https://sites.google.com/a/bbw.ac.th/krupim-classroom/phasa-html



วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่5

☁ ภาษาคอมพิวเตอร์ 
               
              ความหมาย  มีการศึกษา ได้ยิน ได้ฟัง กันมาตั้งแต่เกิดการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ทำงานตามที่ต้องการ จำเป็นต้องมีการกำหนดภาษา สำหรับใช้ติดต่อสั่งงานกับคอมพิวเตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์จะเป็น ”ภาษาประดิษฐ์” (Artificial Language) ที่มนุษย์คิดสร้างมาเอง เป็นภาษาที่มีจุดมุ่งหมายเฉพาะ มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวและจำกัด 


♡♡♡♡♡ภาษาคอมพิวเตอร์อาจแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ♡♡♡♡♡
  • ภาษาเครื่อง (Machine Language) 
  • ภาษาระดับต่ำ (Low Level Language) 
  • ภาษาระดับสูง (High Level Language)

  1. ภาษาเครื่อง (Machine Language)                                                                             การเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานในยุคแรก ๆ จะต้องเขียนด้วยภาษาซึ่งเป็นที่ยอมรับของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “ภาษาเครื่อง” ภาษานี้ประกอบด้วยตัวเลขล้วน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ทันที ผู้ที่จะเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องได้ต้องสามารถจำรหัสแทนคำสั่งต่างๆได้และในการคำนวณต้องสามารถจำได้ว่าจำนวนต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณนั้นถูกเก็บไว้ที่ตำแหน่งใด ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมจึงมีมากนอกจากนี้เครื่องคอมแต่ละระบบมีภาษาเครื่องที่แตกต่างกันออกทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะจะต้องเขียน โปรแกรมใหม่ทั้งหมด
  2. ภาษาระดับต่ำ (Low Level Language)
      ภาษาเครื่องเป็นภาษาที่มีความยุ่งยากในการเขียนดังได้กล่าวมาแล้ว จึงไม่มีผู้นิยมและมีการใช้น้อยโดยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นรหัสแทนการทำงานการใช้และการตั้งชื่อตัวแปรแทนตำแหน่งที่ใช้เก็บจำนวนต่าง ๆ ซึ่งเป็นค่าของตัวแปรนั้น ๆ การใช้สัญลักษณ์ช่วยให้การเขียนโปรแกรมนี้เรียกว่า“ภาษาระดับต่ำ”ภาษาระดับต่าเป็นภาษาที่มีความหมายใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมากบางครั้งจึงเรียกภาษานี้ว่า“ภาษาอิงเครื่อง”(Machine– Oriented Language) ตัวอย่างของภาษาระดับต่ำ  ได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี เป็นภาษาที่ใช้คำในอักษรภาษาอังกฤษเป็นคำสั่งให้เครื่องทำงาน เช่น ADD หมายถึง บวก SUB หมายถึง ลบ 
  3. ภาษาระดับสูง (High Level Language)
      ภาษาระดับสูงเป็นภาษาที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม กล่าวคือลักษณะของคำสั่งจะประกอบด้วยคำต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ทันที ผู้เขียนโปรแกรมจึงเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงได้ง่ายกว่าเขียนด้วยภาษาแอ สเซมบลีหรือภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีมากมายหลายภาษา อาทิเช่น ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาเบสิก(BASIC) ภาษาวิชวลเบสิก (Visual Basic) ภาษาซี (C) และภาษาจาวา (Java) เป็นต้น โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงแต่ละภาษาจะต้องมีโปรแกรมที่ทำหน้าที่แปล ภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง เช่น โปรแกรมแปลภาษาฟอร์แทรนเป็นภาษาเครื่อง                                                                                       ภาษาระดับสูงที่จะกล่าวถึงในที่นี้ ได้แก่
    1)  ภาษาฟอร์แทรน (FORmula TRANstation : FORTRAN)
    จัด เป็นภาษาระดับสูงที่เก่าแก่ที่สุด ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก ราว พ.ศ. 2497 โดยบริษัท ไอบีเอ็ม เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการคำนวณ เช่น งานทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และงานวิจัยต่าง ๆ                                                 2)  ภาษาโคบอล (Common Business Oriented Language : COBOL)
    เป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นในราว พ.ศ. 2502 ต่อมาได้รับการปรับปรุงจากคณะกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนของหน่วยงานธุรกิจและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเป็นภาษาโคบอลมาตรฐานในปีพ.ศ.2517เป็นภาษาที่เหมาะสมสำหรับงานด้านธุรกิจ เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ส่วนมากมีโปรแกรมแปลภาษาโคบอล                                                 3)  ภาษาเบสิก (Beginner’s All – purpose Symbolic Instruction Code : BASIC)
    เป็นภาษาที่ได้รับการคิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่วิทยาลัยดาร์ทมัธ(Dartmouth College) และเผยแพร่เป็นทางการในปีพ.ศ.2508ภาษาเบสิกเป็นภาษาที่สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้สอนเพื่อใช้สอนเขียนโปรแกรมแทนภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาอื่นเช่นภาษาฟอร์แทรน                                                                                                            4) ภาษาปาสคาล (Pascal)
    ตั้ง ชื่อตามนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ เบลส ปาสคาล (Blaise Pascal) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องคิดเลขโดยใช้เฟืองหมุน ภาษาปาสคาลคิดขึ้นในปี พ.ศ. 2514 โดยนิคลอส เวียซ (Niklaus Wirth)ศาสตราจารย์วิชาคอมพิวเตอร์ชาวสวิต ภาษาปาสคาลได้รับการออกแบบให้ใช้ง่ายและมีโครงสร้างที่ดีจึงเหมาะกับการใช้สอนหลักการเขียนโปรแกรม ปัจจุบันภาษาปาสคาลยังคงได้รับความนิยมใช้ในการเรียนเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์
แหล่งอ้างอิง
https://sites.google.com/site/programcomputer56/home/phasa-khxmphiwtexr

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่4

โปรแกรมคอมพิวเตอร์
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
  1. โปรแกรมระบบ หมายถึงโปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์                                                                                               OS (Operating System) คือโปรแกรมระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานส่วน ต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์เช่นควบคุมหน่วยความจำควบคุมหน่วยประมวลผลควบคุม หน่วยรับและควบคุมหน่วยแสดงผล ตลอดจนแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด และสามารถใช้อุปกรณ์ทุกส่วนของคอมพิวเตอร์มาทำงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังเข้ามาช่วยจัดสรรการใช้ทรัพยากรในเครื่องและช่วยจัดการกระบวน การพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น การเปิดหรือปิดไฟล์การสื่อสารกันระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่อง การส่งข้อมูลออกสู่เครื่องพิมพ์หรือจอภาพ                                                                                                                             Translation Programคือ โปรแกรมระบบที่ทำหน้าที่ในการแปลโปรแกรม หรือชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาเครื่องหรือภาษาเครื่องที่ไม่ เข้าใจให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ และนำไปปฏิบัติได้ เช่น ภาษาBASIC,COBOL,C,PASCAL
  2. โปรแกรมอเนกประสงค์ คือโปรแกรมตัวเล็ก ที่ทำหน้าที่เฉพาะด้านไปอย่าง โปรแกรมบีบอัดไฟล์ Winzip, Winrar หรือ โปรแกรมดูภาพจำพวก ACDsee โปรแกรม MS Word สำหรับการพิมพ์งานเอกสารรูปแบบต่างๆ,โปรแกรม MS Excel สำหรับการทำเอกสารที่เป็นแบบฟอร์ม กราฟ หรือการเก็บข้อมูล และโปรแกรม MS PowerPoint สำหรับการทำไฟล์นำเสนองาน (Presentation)
  3. โปรแกรมประยุกต์ (อังกฤษ: application software) ในบางครั้งเรียกย่อว่า แอปพลิเคชัน คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งสำหรับใช้งานสำหรับงานเฉพาะทาง ซึ่งแตกต่างกับซอฟต์แวร์ประเภทอื่น เช่น ระบบปฏิบัติการ ที่ใช้สำหรับรับรองการทำงานหลายด้าน โดยไม่จำเพาะเจาะจง ตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ เช่นโปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ ไฟร์ฟอกซ์ ไฟล์ซิลลา โปรแกรมเล่นเพลง เช่น วินแอมป์ วินโดวส์มีเดียเพลเยอร์ ไอทูนส์ โปรแกรมสำนักงาน เช่น ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ โอเพนออฟฟิศ โปรแกรมอื่น ๆ เช่น ออโตแคด ไมโครสเตชัน                                                                                                                               3.1 ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน เป็น Software ที่ใช้สำหรับงานเฉพาะด้าน เช่น Software สำหรับงานธนาคารการฝากถอนเงิน Software สำหรับงานทะเบียนนักเรียน ซอฟต์แวร์คิดภาษี ซอฟต์แวร์การให้บริการร้าน Seven ฯลฯ                                                                                       3.2 ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับงานทั่วไป โดยในซอฟต์แวร์ 1 ตัวมีความสามารถในการทำงานได้หลายอย่าง เช่น ซอฟต์แวร์งานด้านเอกสาร (Microsoft Word ) มีความสามารถในการสร้างงานเอกสารต่าง ๆ จัดทำเอกสารรายงาน จัดทำแผ่นพับ จัดทำหนังสือเวียน จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่3


ใบงานที่3

การถ่ายทอดความคิดในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอริทึม
  •  การเขียนรหัสจำลอง

คือการเขียนอัลกอริทึมโดยใช้ประโยคภาษาอังกฤษที่สื่อความหมายง่าย ๆ  สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้โดยทันที แต่ก็สามารถใช้รูปแบบที่เป็นภาษาพูดด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษก็ได้

ตัวอย่าง คำสั่ง  read    หมายถึง  การอ่านค่าหรือรับค่าข้อมูลตัวแปรตามที่กำหนดไว้
คำสั่ง  
print    หมายถึง  การแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณและพิมพ์ข้อความ 
End  เมื่อจบการทำงาน
  • การเขียนผังงาน (flowchart)
2.1 ผังงาน คือ แผนภาพที่มีการใช้สัญลักษณ์รูปภาพและลูกศรที่แสดงถึงขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมหรือระบบทีละขั้นตอน รวมไปถึงทิศทางการไหลของข้อมูลตั้งแต่แรกจนได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ มี 2 ประเภท คือ ผังงานระบบ และผังงานโปรแกรม
2.2 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเขียนผังงาน
การเขียนผังโปรแกรมจะประกอบไปด้วยการใช้สัญลักษณ์มาตรฐานต่าง ๆ ที่เรียกว่า
สัญลักษณ์
ANSI        ( American National Standards Institute ) ในการสร้างผังงาน

 



  •  ตัวอย่าง




♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

ใบงานที่2 เรื่องการแก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ


การแก้ไขปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ

4ขั้นตอน ดังนี้
  • การวิเคราะห์ปัญหา เป็นการวิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบและสามารถนำเอาโปรแกรมเข้าไปช่วยจัดการ ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 5ขั้นตอน
วิเคราะห์สิ่งที่โจทย์ต้องการ หมายถึง การวิเคราะห์ว่าสิ่งที่โจทย์ต้องการนั้นคืออะไรสามารถแยกมาเป็นรายละเอียด
2 วิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องแสดง (output) หมายถึง การกำหนดรูปแบบของผลลัพธ์ที่แสดงผลออกมา
3 วิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องรับเข้า (input) หมายถึง การกำหนดข้อมูลที่จะต้องป้อนเข้าสู่โปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมประมวลผลและแสดงผลลัพธ์ออกมา
วิเคราะห์ค่าตัวแปร หมายถึง การกำหนดค่าที่จะนำมาแทนในการทำงาน
5 วิเคราะห์วิธีการคำนวณ หรือวิธีการทำงาน หมายถึง การพิจารณาขั้นตอนหรือวิธีการทำงานที่ใช้ในโปรแกรม
  • การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอน เป็นการนำเอาวิธีจากการวิเคราะห์ปัญหามาเขียน
เป็นภาพหรือสัญลักษณ์โดยนำเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในการออกแบบโปรแกรม เพื่อให้ทราบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมและง่ายต่อการตรวจสอบ และมีรายละเอียดพอที่จะทำงานต่อไปได้ ซึ่งเครื่องมือที่สนับสนุนการออกแบบโปรแกรมโดยมีขั้นตอนวิธีเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงขั้นตอนการทำงานของระบบทำงานเพื่อให้การเขียนโปรแกรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น



  •  การดำเนินงานและแก้ไขปัญหา  การเขียนโปรแกรมภาษาประกอบด้วย 2 ขั้นตอน 
คือ การแปลงขั้นตอนวิธี (algorithm) ที่ได้ ให้เป็นคำสั่งในภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้เลือกไว้ โดยที่การเขียนโปรแกรมจะต้องถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ (syntax) หรือกฎของภาษานั้นๆ ซึ่งตรวจสอบได้โดยนำโปรแกรมไปประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ และการเขียนรหัสต้นฉบับ (source code)   
                     การเขียนโปรแกรมทุกๆโปรแกรมควรมีระบุข้อความกำกับรายละเอียดของโปรแกรมด้วยเสมอ ซึ่งข้อความเหล่านี้จะเรียกว่า หมายเหตุ (comment) โดยการเขียนหมายเหตุ จะมี 2 ลักษณะ คือ
         1 ข้อความที่บ่งบอกถึงวัตถุประสงค์ของโปรแกรมที่เขียนขึ้น รวมถึงชื่อของโปรแกรมด้วยเสมอ ชื่อโปรแกรมเมอร์และวันที่ที่เขียนโปรแกรม โดยการระบุจะเขียนไว้ที่ส่วนบนสุดของพื้นที่การเขียนโปรแกรม
          2 ข้อความที่ระบุไว้เพื่ออธิบายความสำคัญของการป้อนแต่ละชุดคำสั่ง ซึ่งส่วยใหญ่จะระบุต่อท้ายชุดคำสั่งภายในโปรแกรมเสมอ
  • การตรวจสอบและปรับปรุง    เป็นขั้นตอนการทดลองนำโปรแกรมที่เขียนมาทำการทดลองใช้ และ ตรวจสอบข้อผิดพลาด (bug) เมื่อพบข้อผิดพลาด ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องทำงานแก้ไขข้อผิดพลาดทันทีซึ่งการแก้ไขนี้จะเรียกว่าดีบัก (debug)

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561

profile





Profile㋡

ชื่อ-สกุล นางสาวศศิภา คล่องใจ  ชื่อเล่น มาย
มัธยมศึกษาปี่ที่5/2 เลขที่ 22
เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม 2545 อายุ 15
สัญชาติ ไทย เชื้อชาติไทย กรุ้ปเลือด โอ
งานอดิเรก ฟังเพลง เล่นเกม 
ชอบสี เหลือง
ที่อยู่ 39/85 ม.4 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง 21000
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
Facebook: Mind sasipa

Line: mindmint2014

IG: mixdssp_

เบอร์ติดต่อ 087-489-2604

ม.5/2 ใบงานที่1เรื่องกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ

กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
  •  ความหมายและขั้นตอนของการแก้ปัญหา
    คือ  ขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากทรัพยากรให้เป็นผลผลิตหรือผลลัพธ์ระบบเทคโนโลยีประกอบด้วยกระบวนการเทคโนโลยีก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอย ตามที่มนุษย์ต้องการและเปลี่ยนแปลงการ
    เพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์
  • การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 
    ไม่ว่าเราจะทำงานใดก็ตาม ปัญหาเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแก้ปัญหามีหลายวิธี ขึ้นกับชนิด
    ของงาน วิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งอาจแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ และการแก้ปัญหาอาจจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น จึงควรยึดหลักการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้เสียเวลา
  •  ขั้นตอนการแก้ไขปัญหา

1.       การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียด
2.       การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอน
3.       การดำเนินการแก้ไขปัญหา
4.       การตรวจสอบและปรับปรุง
  •  ยกตัวอย่างปัญหา 1 ปัญหาพร้อมด้วยวิธีการแก้ปัญหา เป็นลำดับขั้นตอน

ปัญหาคือ มลพิษทางเสียง

วิธีการแก้ปัญหา

1).กำหนดและบังคับใช้มาตรฐานระดับความดังในสถานที่ต่างๆไม้ให้เกินค่ามาตรฐานเพื่อลดอันตรายของเสียงที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและการได้ยิน
2). ควบคุมแหล่งกำเนิดเสียง เช่นควบคุมเสียงที่เกิดจากยานพาหนะโดยผู้ใช้รถทุกคันต้องตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ของตนให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่ดัดแปลงท่อไอเสียให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่นโรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงไม่ควรเปิดเสียงเครื่องเสียงที่ดังเกินค่ามาตรฐานรวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมควรเลือกใช้เครื่องจักรหรือเครื่องมือต่างๆที่เกิดเสียงดังรบกวนน้อยที่สุด3). สำรวจและตรวจสอบตามแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆเป็นประจำ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้เกิดมลพิษทางเสียง4).หลีกเลี่ยงการอยู่ในแหล่งที่เสียงดังเป็นเวลานานๆแต่หากถ้าจำเป็นต้องอยู่หรือต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับเสียงดังมากๆ ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันหู เช่นที่ครอบหู ที่อุดหู เพื่อลดอันตรายจากความดังของเสียง

ใบงานที่2 เรื่องตัวอย่างโครงคอมพิวเตอร์ประเภทพัฒนาเกม

โครงงานพัฒนาเกม ( Game Development)            เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก เกมหมา...